ทีมเทควันโดไทย เตะกระจายเพื่อเป้าหมายของแฟนชาวไทย

กีฬาที่มักจะสร้างชื่อให้กับ ทัพนักกีฬาชาวไทยเสมอ นั่นก็คือกีฬาประเภทศิลปะการต่อสู้ จนเป็นที่มาของคำพูดเชิงขำขันที่ว่า หากเป็นกีฬาด้านการเตะต่อย นักกีฬาทีมชาติไทย ไม่แพ้ผู้ใดในโลก ถึงแม้ว่ากีฬาชนิดนั้นจะเป็นกีฬานำเข้า ไม่ใช่กีฬาประจำชาติไทยเราก็ตาม และหนึ่งในชนิดกีฬาศิลปะการต่อสู้ ที่ไทยเรานำเข้ามาจากต่างประเทศ และสามารถทำผลงานได้ดีในระดับนานาชาติ ก็คือกีฬาเทควันโด ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติเกาหลีนั่นเอง

ช่วงหลายปีมานี้ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ต่างประสบความสำเร็จมากมาย ในเวทีระดับชาติ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันรายการเล็กใหญ่ที่ไหน ทัพนักเทควันโด มักจะทำให้แฟน ๆ กีฬาชาวไทย ยิ้มได้อย่างมีความสุขเสมอ โดยเฉพาะนับตั้งแต่การก้าวเข้ามารับ ตำแหน่งผู้ฝึกสอนของโค้ชชาวเกาหลีใต้ อย่างโค้ชเช หรือชื่อเต็มคือ เชว ยอง ซอก ที่นอกจากจะเป็นผู้ฝึกสอนแล้ว ยังมีส่วนอย่างยิ่งในการวางรากฐาน กีฬาเทควันโดในประเทศไทย มาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ปี 2545 จนตอนนี้ โค้ชเชได้สัญชาติไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับผลงาน ของนักกีฬาที่โค้ชเชได้สร้างขึ้นมา ก็พัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อันดับโลกของทีมชาติไทย ในกีฬาชนิดนี้ ก้าวจากอันดับท้าย ๆ ขึ้นมาอยู่บนสิบอันดับแรกของโลก ได้อย่างยาวนาน

แน่นอนว่าเป้าหมายใหญ่ของกีฬาเทควันโด ก็เหมือน ๆ กับกีฬาสากลชนิดอื่น ๆ นั่นคือบนเวทีโอลิมปิกนั่นเอง หลังจากการก้าวเข้ารับตำแหน่งของโค้ชเช เพียงแค่ไม่นาน ก็มีนักกีฬาไทยสามารถทำได้สำเร็จ การคว้าเหรียญทองแดงที่เอเธนส์ ของ “วิว” เยาวภา บุรพลชัย สร้างกระแสให้กีฬาชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในของแฟน ๆ ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และด้านนักกีฬาเอง บรรดาเยาวชนที่ให้ความสนใจในเทควันโด ก็มีมากขึ้น จนทำให้ทีมชาติไทย มีผลงานที่ดีในเวทีโลก ไล่มาตั้งแต่ระดับเยาวชนกันเลย โดยในการแข่งขันโอลิมปิกนั้นจนถึงปัจจุบัน ทัพนักกีฬาไทยสามารถคว้ามาแล้ว 5 เหรียญด้วยกัน แบ่งเป็น 3 เหรียญทองแดง จากเยาวภา บุรพลชัย, ชนาธิป ซ้อนขำ และพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ และอีก 2 เหรียญเงินจาก บุตรี เผือดผ่อง และเทวินทร์ หาญปราบ

สำหรับในการแข่งขันโอลิมปิกที่โตเกียวนั้น การแข่งขันรอบคัดเลือกโซนเอเชีย ถูกเลื่อนออกไป หลังผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้เรายังไม่สามารถรู้ได้ว่า จะมีนักกีฬาไทยคว้าสิทธิ์ได้กี่คน โดยชื่อที่ส่งไปสามคนคือ พรรณนภา หาญสุจินต์ แชมป์โลกในรุ่น 57 กก. หญิง, รามณรงค์ เสวกวิหารี รุ่น 58 กก. ชาย และ หลักชัย ห้วยหงส์ทอง ในรุ่น 68 กก. ชาย ซึ่งทางสมาคมตั้งเป้าคว้าให้ได้เพิ่มอีก 2 สิทธิ์ ส่วนนักกีฬาที่ได้ไปแน่นอนแล้ว หนึ่งคนก็คือ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เจ้าของเหรียญทองแดงจากโอลิมปิก ครั้งที่แล้วนั่นเอง โดยได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน ในฐานะหมายเลขหนึ่งของโลกในรุ่น 49 กก. นั่นเอง นั่นหมายถึงว่าเธอคือเต็งหนึ่งที่จะคว้าเหรียญทองอีกด้วย

ถึงแม้ว่าทัพนักเทควันโดทีมชาติไทย จะเคยคว้าเหรียญมาแล้วถึง 5 เหรียญ แต่ยังไม่สามารถคว้าเหรียญทองมาได้เลยซักครั้ง ดังนั้นแฟน ๆ ชาวไทยต้องเอาใจช่วยเหล่านักกีฬา ทั้งการคว้าสิทธิ์เข้าร่วม และก้าวขึ้นไปคว้าเหรียญทองแรก ให้ชาวไทยได้สมหวังกันเสียที

เครดิตภาพ : https://www.bangkokpost.com/sports/386096/thailand-crowned-overall-champions